“หลังจากดูวิดีโอเรื่อง Learning Style แล้วให้ท่านทำแบบทดสอบ รูปแบบ Learning Style ของตัวเองค่ะ”
รูปแบบการเรียนรู้ (Learning Style)
มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เด็กและเยาวชนที่เกิดมายุคนี้ มีความแตกต่างจากเด็กและเยาวชนในยุคก่อนอย่างชัดเจนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนจึงต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นสำคัญ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเลือกวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเอง ทั้งนี้เป็นเพราะความสามารถในการรับรู้ เป็นทักษะเฉพาะบุคคล ที่ขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ ระสบการณ์ ดังนั้นผู้สอนจะต้องพิจารณารูปแบบการเรียน (Learning Style) ให้เหมาะสมกับผู้เรียนเป็นสำคัญ
Learning Style คือ รูปแบบการเรียนรู้หรือลีลาการเรียนรู้ของผู้เรียน ที่ผู้เรียนแต่ละคนชอบและปฏิบัติเป็นประจำ ในอันที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้หรือการรับรู้ได้ดีที่สุดสำหรับตนเอง ซึ่งผู้เรียนสามารถรับข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสการรับรู้ 3 ทาง คือ ทางสายตา (Visual) ทางการฟัง/ได้ยิน (Auditory) และทางร่างกายและความรู้สึก (Kinesthetic)
คุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละรูปแบบการเรียนรู้
คุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละรูปแบบการเรียนรู้
1. ผู้ที่เรียนรู้ได้ดีผ่านประสาทตา (Visual Learner)
คือผู้เรียนที่ชอบเรียนรู้จากการได้ดู มองเห็นกริยาท่าทางของผู้สอนหรือสื่ออื่นๆ เช่น การอ่านหรือการดูภาพ เป็นต้น โดยกลุ่มผู้เรียนที่เรียนรู้ได้ดีผ่านประสาทตา จะมีคุณลักษณะดังนี้
2. ผู้ที่เรียนรู้ได้ดีผ่านประสาทหู (Auditory Learner)
คือผู้เรียนที่ชอบเรียนรู้จากการได้ฟัง/ได้ยิน เช่น การอธิปราย พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือการฟังผ่านสื่อต่างๆ เป็นต้น โดยกลุ่มผู้เรียนที่เรียนรู้ได้ดีผ่านประสาทหู จะมีคุณลักษณะดังนี้
3. ผู้ที่เรียนรู้ได้ดีผ่านประสาทเกี่ยวกับการสัมผัส (Kinesthetic Learner)
คือผู้เรียนที่ชอบเรียนรู้จากการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่นการสัมผัส การทดลอง การลงมือทำ การเขียน แสดงบทบาทสมมติ เป็นต้น โดยกลุ่มผู้เรียนที่เรียนรู้ได้ดีผ่านประสาทเกี่ยวกับสัมผัส จะมีคุณลักษณะดังนี้
ในปัจจุบันนักการศึกษาบางกลุ่มได้แบ่งรูปแบบการเรียนรู้ออกเป็น 4 ลักษณะ โดยเพิ่มรูปแบบการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนที่เรียนรู้ได้ดีผ่านการอ่านและเขียน (Read and Write Learner) ซึ่งหมายถึงผู้เรียนที่ชอบที่จะเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ โดยการอ่านและเขียน
รูปแบบการเรียนรู้มีความสำคัญมากทั้งนี้เพราะ
ดังนั้น เมื่อเราทราบแล้วว่ารูปแบบการเรียนหรือลีลาการเรียนของผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ในฐานะของครูผู้สอน การจัดการเรียนการสอนจึงควรคำนึงถึงความหลากหลายของการเลือกใช้สื่อตามไปด้วย เพราะในชั้นเรียนหนึ่งๆ นั้นย่อมมีผู้เรียนที่มีรูปแบบการเรียนที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่บางคนก็ไม่ได้มีรูปแบบการเรียนรู้ที่ถนัดเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้เมื่อผู้สอนจะออกแบบการสอนหรือจัดกิจกรรมการสอน ควรคำนึงถึงการเลือกใช้สื่อ และการจัดกิจกรรมที่หลากหลายตอบสนองต่อรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนเสมอ