จากเด็กขึ้นตาลสู่เจ้าของธุรกิจ
เส้นทาง “ปริญญาชีวิต” ของ
อรอุมา แถบเงิน
บทนำ
จุดเริ่มต้นคนขึ้นตาล
เรื่องราวของ อรอุมา แถบเงิน ไม่ได้เริ่มต้นในห้องเรียน แต่หยั่งรากลึกอยู่บนยอดมะพร้าว ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ชีวิตในวัยเยาว์ของเธอต้องยุติลงหลังจบชั้นประถม เมื่อวงจรหนี้สินนอกระบบที่รัดตรึงครอบครัว บีบคั้นให้เธอต้องละทิ้งความฝันและหันมาช่วยครอบครัวทำงานอย่างเต็มตัว อาชีพ “ขึ้นตาล” เพื่อทำน้ำตาลมะพร้าวคือบทเรียนแรกที่ชีวิตมอบให้ เป็นงานหนักที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและพละกำลัง ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่หล่อหลอมให้เธอเป็นนักสู้ตั้งแต่วัยเด็ก
“เราต้องเคี่ยวน้ำตาลเองด้วย เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มีเลย…ต้องตื่นมาขึ้นตาลตั้งแต่ตีหนึ่ง พอเสร็จเก้าโมงเช้า ก็มาเคี่ยวต่อจนถึงบ่ายโมง บ่ายสามก็ต้องไปขึ้นตาลรอบเย็นอีก กว่าจะเสร็จก็สี่ห้าทุ่ม แล้วตีหนึ่งก็ต้องตื่นมาทำเหมือนเดิม”
อรอุมา แถบเงิน
จากเด็กขึ้นตาลสู่เจ้าของธุรกิจ
ศิษย์เก่า ป.ตรี ม.ชีวิต
บทเรียนที่ 1
ประกายไฟแห่งการเรียนรู้ ตัดสินใจกลับสู่เส้นทางการศึกษา
หลังจากทำงานหนักเพื่อครอบครัวอยู่หลายปี ประกายไฟแห่งการเรียนรู้ในใจของอรอุมาก็ไม่เคยมอดดับ เธอปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทลายวงจรความยากลำบากที่เห็นมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก เธอจึงตัดสินใจด้วยตนเองที่จะกลับไปเรียนต่อที่ กศน. จนจบชั้นมัธยมปลาย และในระหว่างนั้นเองที่เธอได้ค้นพบ “สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน” หรือที่หลายคนเรียกว่า “มหาวิทยาลัยชีวิต” ผ่านทางยูทูบ
ภาพแรกของมหาวิทยาลัยที่เธอเห็นนั้นแตกต่างจากที่จินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง แทนที่จะเป็นตึกสูง กลับเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่กลางสวน มีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน ซึ่งทำให้เธอประทับใจและตัดสินใจสมัครเรียนในทันที แต่การตัดสินใจครั้งนี้กลับต้องเผชิญกับมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วจากคนในครอบครัว
การสนับสนุนจากแม่ | ความขัดแย้งกับพ่อ |
คุณแม่คือผู้ที่เชื่อมั่นและคอยหยิบยื่นความช่วยเหลือเสมอ ท่านสนับสนุนการตัดสินใจของเธออย่างเต็มที่ และในวันที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม แม่ก็คือคนที่ออกให้ทั้งหมด | คุณพ่อตั้งคำถามถึงความจำเป็นของการเรียนต่อ โดยเชื่อว่าการทำสวนมะพร้าวไม่จำเป็นต้องใช้วุฒิการศึกษาสูง และมักจะถามเสมอว่า “จะไปเรียนทำไม” |
ถึงกระนั้น การตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในครั้งนี้ คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า “ความรู้” สามารถปฏิวัติชีวิตจากรากฐานได้อย่างแท้จริง
บทเรียนที่ 2
พลิกวิกฤตด้วยความรู้ เมื่อ “มหาวิทยาลัยชีวิต” เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
ความรู้ที่ได้รับจากสถาบันฯ ไม่ใช่แค่ความรู้ในตำรา แต่เป็นองค์ความรู้ที่นำมาปฏิบัติได้จริง และได้เข้ามาปฏิวัติวิถีชีวิตของอรอุมาในทุกมิติอย่างน่าทึ่ง
2.1. การเงินมีแบบแผน: จาก “ทำไปใช้ไป” สู่การสร้างฐานะ
ก่อนหน้านี้ ชีวิตของเธอคือการ “ทำไปใช้ไป ไม่มีเงินเก็บ” แต่เมื่อได้เรียนรู้หลักการวางแผนชีวิตและแผนการเงิน เธอก็เริ่มจัดการรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ เธอเริ่มทำตารางบันทึกอย่างละเอียดว่า “เดือนนี้ขายได้เท่าไหร่ เก็บเข้าธนาคารเท่าไหร่” ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว
2.2. พัฒนาสวนมะพร้าว: จากสารเคมีสู่เกษตรยั่งยืน
ในอดีต สวนมะพร้าวของครอบครัวเคยพึ่งพาสารเคมีอย่างหนัก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพของคนในครอบครัว แต่ยังส่งผลเสียต่อผลผลิตอีกด้วย แต่หลังจากได้เรียนรู้แนวทางการทำเกษตรยั่งยืน เธอก็ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยชีวภาพและน้ำหมักแทน ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนชีวิตถึง 3 ประการ
2.3. ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่: กำเนิด “มะพร้าวบอนไซ”
ในช่วงที่ราคาพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมตกต่ำ อรอุมาไม่ได้ยอมจำนนต่อโชคชะตา แนวคิดนี้จุดประกายขึ้นจากบทสนทนากับอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งเป็นผู้กระตุ้นให้เธอลองมองหาหนทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ก้าวหน้าขึ้น ประกอบกับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากยูทูบ เธอได้ริเริ่มสร้างสรรค์ “มะพร้าวบอนไซ” เพื่อแปรรูปมะพร้าวที่ขายไม่ได้ราคา ให้กลายเป็นไม้ประดับที่มีมูลค่าสูงขึ้นหลายเท่าตัว แต่ยิ่งทำ เธอก็ยิ่งผูกพัน จนบางครั้งก็ไม่อยากขาย “ทำไปรักไป ทำไปผูกพัน” มันคือการเปลี่ยนจากผู้ผลิตเพื่อความอยู่รอดสู่งานศิลปะที่มาจากหัวใจ
ผลิตภัณฑ์ | ราคาเดิม (โดยประมาณ) | ราคาใหม่ (หลังแปรรูป) |
พันธุ์มะพร้าวน้ำหอม | 60-80 บาท | 199 – 500 บาท (หรือสูงสุดถึง 4,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสวยงาม) |
ทว่า แม้จะมีความรู้และนวัตกรรมอยู่ในมือ แต่บททดสอบที่ใหญ่ที่สุดกลับเป็นการต่อสู้เพื่อการยอมรับจากคนใกล้ตัวที่สุด
บทเรียนที่ 3
ก้าวข้ามอุปสรรคสู่การยอมรับ
มีช่วงหนึ่งที่อรอุมาเคยรู้สึกท้อแท้จนอยากจะเลิกเรียน ด้วยภาระงานที่บ้านนั้นหนักอึ้ง ประกอบกับปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำ แต่กำลังใจสำคัญที่ฉุดเธอกลับมาคือเพื่อนๆ ในชั้นเรียนที่โทรศัพท์มาตามและให้กำลังใจว่า “เราต้องจบไปด้วยกัน”
จุดเปลี่ยนที่ทลายกำแพงในใจของพ่อ คือความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจและส่งออกพันธุ์มะพร้าวไปยังประเทศจีนได้สำเร็จ ในช่วงเวลาที่ตลาดในประเทศซบเซาอย่างหนัก ความรู้ความมั่นใจที่สั่งสมมาจากการเรียนรู้ได้กลายเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้เธอทำในสิ่งที่พ่อไม่เคยทำได้มาก่อน หัวใจสำคัญคือความโปร่งใส เธอเชิญให้ลูกค้าเข้ามาดูสวนและกระบวนการผลิตด้วยตัวเองเพื่อสร้างความไว้วางใจ ซึ่งทำให้เธอมีอำนาจในการเจรจาต่อรองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“เรามีอำนาจต่อรองราคา เพราะเราเป็นผู้ผลิต เราสามารถให้เขาเข้ามาดูในสิ่งที่เราทำจริงๆ ได้ เราไม่ได้โม้และโกหก”
บทเรียนที่ 4
แบ่งปันเพื่อเติบโต: สร้างคุณค่าคืนสู่ชุมชน
ทัศนคติของอรอุมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเธอได้เรียนรู้วิชาการพัฒนาชุมชน จากเดิมที่เคยมีความคิดว่า “จะไปบอกความรู้เขาทำไม” สู่การเป็นผู้ให้ที่พร้อมจะ “กระจายความรู้” ให้กับคนอื่นๆ เธอได้สร้าง “เครือข่าย” ผู้เพาะพันธุ์มะพร้าวขึ้นมา โดยมีหัวใจสำคัญคือการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หากสมาชิกคนใดของขาด เธอก็จะส่งของไปช่วย หรือหากเธอของขาด คนอื่นก็จะส่งมาให้ โดยไม่มีการหักเปอร์เซ็นต์ เพราะนี่คือเครือข่ายที่ “อยู่ด้วยมิตรภาพ”
ผลลัพธ์ของการแบ่งปัน ทำให้เธอได้รับการยอมรับนับถือจากคนรอบข้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากที่เคยเป็นเพียง “เด็กขึ้นตาล” ในสายตาของใครหลายคน เธอกลายเป็นคนสำคัญที่ชาวบ้านในชุมชนมักจะเข้ามาขอคำปรึกษาและขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ
บทเรียนที่ 5
บทสรุป: ปริญญาที่แท้จริงคือ “ปริญญาชีวิต”
ความสำเร็จของอรอุมาไม่ได้วัดได้จากทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น ทั้งรถยนต์ ที่ดิน หรือยอดการส่งออกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเติบโตทางความคิด การเป็นที่ยอมรับของครอบครัวและชุมชน และที่สำคัญที่สุดคือการค้นพบคุณค่าในตัวเอง สำหรับเธอแล้ว ปริญญาที่แท้จริงที่ได้รับจากสถาบันแห่งนี้คือ “ปริญญาชีวิต” ซึ่งเธอให้คุณค่ามากกว่าปริญญาบัตรที่เป็นเพียงกระดาษ เพราะมันคือความรู้ที่สามารถนำมาสร้างชีวิต สร้างอาชีพ และหล่อเลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
เรื่องราวของเธอคือบทพิสูจน์ที่ทรงพลังว่า การศึกษาที่หยั่งรากลึกลงบนผืนดินแห่งการปฏิบัติจริง สามารถสร้างอนาคตที่มั่นคงได้โดยไม่จำเป็นต้องละทิ้งบ้านเกิดไปทำงานในเมืองใหญ่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของเราจะอยู่ที่ใด เราทุกคนสามารถเขียนบทสรุปชีวิตที่สวยงามได้ด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต
วีดิโอเรื่องราวของคุณอรอุมา แถบเงิน