จำนวนผู้ชม 13


จากศูนย์สู่ธุรกิจเงินล้าน:
ถอดบทเรียน “กัมปนาท” กับพลัง
แห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

กัมปนาท เปรมใจ
เจ้าของธุรกิจ “ขนมจีนบ้านนา”
ศิษย์เก่า ป.ตรี และ ป.โท ม.ชีวิต

บทนำ  

หลายคนอาจฝันถึงการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถปั้นกิจการจากเงินทุนเพียงหลักพันให้กลายเป็นธุรกิจเงินล้านได้สำเร็จ เรื่องราวของคุณกัมปนาท เจ้าของธุรกิจ ขนมจีนบ้านนา” คือหนึ่งในบทพิสูจน์ที่น่าทึ่ง จากจุดเริ่มต้นที่แทบจะเรียกว่าศูนย์ กับวุฒิการศึกษาสูงสุดคือ ปวช. เขาได้พลิกชีวิตและธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนกลายเป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดสุโขทัย อะไรคือเคล็ดลับเบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้? คำตอบทั้งหมดซ่อนอยู่ในพลังของคำว่า การเรียนรู้ตลอดชีวิต”

บทเรียนที่ 1 จุดเริ่มต้น: จากทุน 6,000 บาท สู่การสืบทอดกิจการครอบครัว

          ก่อนจะกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณกัมปนาทคือชายธรรมดาคนหนึ่งที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จากวิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก และเริ่มต้นสร้างครอบครัวด้วยการสืบทอดกิจการทำขนมจีน ซึ่งเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาถึง 4 รุ่น แรงบันดาลใจสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นรถบรรทุกจากต่างจังหวัดขนขนมจีนมาขายในพื้นที่และตระหนักถึงโอกาสทางธุรกิจที่ซ่อนอยู่ในชุมชนของตนเอง

          เขาและภรรยาตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุนก้อนสุดท้ายที่มีเพียง 6,000 บาท ในช่วงแรกนั้น ทุกอย่างเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องผลิตขนมจีนวันละ 20 กิโลกรัม โดยใช้อุปกรณ์ดั้งเดิมอย่างกระป๋องนมเจาะรูและกระทะใบบัว ซึ่งต้องอาศัยแรงงานและความอดทนอย่างมหาศาล

          แม้ธุรกิจจะดำเนินไปได้ แต่ลึกๆ แล้วคุณกัมปนาทกลับรู้สึกว่าตนเองกำลังทำธุรกิจไปวันๆ โดยขาดองค์ความรู้ที่จะนำพากิจการให้เติบโตไปอีกขั้น ความรู้สึกนี้เองที่กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

ภาพจำลองการผลิตขนมจีนในช่วงเริ่มแรก

บทเรียนที่ 2 จุดเปลี่ยน: เมื่อ “มหาวิทยาลัยชีวิต” เปิดประตูสู่โลกใบใหม่

          จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อ ผอ.สมมาตร คงเรือง ได้เดินทางมาชักชวนให้เขาไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยชีวิต ในช่วงแรก คุณกัมปนาทเต็มไปด้วยความกังวลใจ ด้วยวัยที่ล่วงเลยไปกว่า 60 ปี ทำให้เขากลัวว่าจะเรียนตามคนรุ่นใหม่ไม่ทัน และจะปรับตัวเข้ากับบรรยากาศการเรียนได้อย่างไร

          ทว่าด้วยความมุ่งมั่น เขาตัดสินใจก้าวข้ามความกลัวและคว้าโอกาสนั้นไว้ และความกังวลทั้งหมดก็ได้มลายหายไปตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าไปในสถาบัน บรรยากาศอันอบอุ่น การต้อนรับอย่างเป็นกันเองจากคณาจารย์และรุ่นพี่ ทำให้ความประหม่าแปรเปลี่ยนเป็นความประทับใจ เขารู้สึกได้ทันทีว่า “มหาวิทยาลัยชีวิต” ไม่ใช่แค่สถานที่ให้ความรู้เชิงวิชาการ แต่เป็นชุมชนของเพื่อนและครูที่เข้าใจเส้นทางชีวิตของเขาและพร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน

การตัดสินใจครั้งสำคัญในวันนั้น ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติธุรกิจขนมจีน “บ้านนา” อย่างสิ้นเชิง

บรรยากาศการเรียนรู้ที่สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน

รับรางวัลปริญญาชีวิตจากนายกสภาสถาบัน

บทเรียนที่ 3  ปฏิวัติธุรกิจด้วยองค์ความรู้: บทพิสูจน์จาก “ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ”

คุณกัมปนาทได้นำหลักการ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ” ที่ได้เรียนรู้จากหลักสูตรปริญญาตรี มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองอย่างเป็นรูปธรรม เปลี่ยนจากการทำธุรกิจแบบดั้งเดิมสู่การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

3.1. ต้นน้ำ: เปลี่ยนสถานะจาก “ผู้ซื้อ” สู่ “ผู้ผลิต” วัตถุดิบคุณภาพ

ก่อนเรียนรู้: วงจรแห่งการพึ่งพาและปัญหาที่ไม่สิ้นสุด

          ในอดีต คุณกัมปนาทต้องเผชิญกับปัญหาวัตถุดิบที่ควบคุมไม่ได้ เขาเริ่มต้นด้วยการซื้อข้าวจากคนในชุมชน แต่กลับเจอปัญหาคุณภาพข้าวที่ไม่สม่ำเสมอระหว่างฤดูนาปีและนาปรัง ทำให้สินค้าเสียหายบ่อยครั้ง เมื่อหมดหนทาง เขาจึงหันไปพึ่งแป้งสำเร็จรูปจากโรงงาน ซึ่งแม้จะแก้ปัญหาคุณภาพได้ แต่ก็ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและกำไรลดน้อยลง

หลังเรียนรู้: พลิกวิกฤตสู่การเป็นนายแห่งต้นน้ำ

          ความรู้จากมหาวิทยาลัยชีวิตได้จุดประกายให้เขามองปัญหาในมุมใหม่ เขาตัดสินใจแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการลงมือทำนาเองบนที่ดินกว่า 100 ไร่ของครอบครัว เขากลายเป็นมากกว่าคนทำขนมจีน แต่เป็นนักเรียนรู้แห่งผืนดิน

  • สร้างนวัตกรรมจากปัญหา: ด้วยความที่คุณกัมปนาทเป็นโรคภูมิแพ้และไม่ชอบควันจากการเผาฟางของเพื่อนบ้าน เขาจึงศึกษาและริเริ่มการทำนาแบบไม่เผาฟาง แต่นำมาไถกลบและหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์ตามสูตรของมหาวิทยาลัยแม่โจ้
  • เปลี่ยนขยะเป็นทอง: เขานำเศษอาหารจากร้านอาหารมาหมักทำปุ๋ยชีวภาพ ช่วยลดค่ากำจัดขยะจากปีละกว่า 10,000 บาท เหลือเพียง 4,000-5,000 บาท
  • สร้างต้นแบบให้ชุมชน: เขาทำให้ชาวบ้านเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ด้วยการซื้อเพียงมูลวัวกระสอบละ 20 บาท มาผสมกับฟางและเศษอาหาร ทำเป็นกองปุ๋ยรูปทรงพีระมิดสาธิตให้ชุมชนได้เห็น ผลลัพธ์คือผลผลิตข้าวของเขาสูงถึง 100 ถังต่อไร่ ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปได้เพียง 50-60 ถังต่อไร่
  • ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน: เขาได้วัตถุดิบข้าวคุณภาพสูงที่ควบคุมได้ 100% ในต้นทุนที่ต่ำลง และยังสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

คุณกัมปนาทได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้ในครั้งนี้ว่า: “ถ้าไม่ได้เรียนนะ ผมจะไม่รู้เรื่องนี้เลย”

3.2. กลางน้ำ: นวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน

จากเดิมที่กระบวนการผลิตต้องพึ่งพาแรงงานคนจำนวนมากและเป็นงานที่หนัก คุณกัมปนาทได้นำความรู้มาพัฒนากระบวนการผลิตให้ทันสมัยขึ้น

  • อดีต: ต้องใช้แรงงานคนถึง 5-10 คนในกระบวนการผลิตที่หนักและเหนื่อย
  • ปัจจุบัน: นำเทคโนโลยีสายพานมาประยุกต์ใช้ ทำให้ใช้คนควบคุมเพียง 3 คน และลดการจ้างงานโดยรวมเหลือเพียง 5 คน สามารถผลิตขนมจีนได้ถึง 1 ตันในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง

          ยิ่งไปกว่านั้น คุณภาพข้าวที่ได้จากการทำนาเองยังพิสูจน์ให้เห็นผลลัพธ์ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน แป้งข้าว 20 กิโลกรัมที่เขาผลิตเอง สามารถทำขนมจีนได้ถึง 40 กิโลกรัม ในขณะที่แป้งจากโรงงานในปริมาณเท่ากันกลับทำได้เพียง 35 กิโลกรัม นี่คือข้อพิสูจน์เชิงปริมาณที่แสดงให้เห็นว่าการควบคุม “ต้นน้ำ” ได้ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพใน “กลางน้ำ” ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงและประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

 

3.3. ปลายน้ำ: จากตลาดนัด สู่ร้านอาหารรับแขกบ้านแขกเมือง

          แรงบันดาลใจสำคัญในการเปิดหน้าร้านของตัวเองมาจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เมื่อมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องนั่ง เสื่อ” เพื่อขอทานขนมจีนของเขา เนื่องจากในตอนนั้นยังไม่มีหน้าร้าน เหตุการณ์นี้จุดประกายให้เขาเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจครั้งใหม่

          จากจุดเริ่มต้นที่ใช้โต๊ะพับเพียง 5 ตัว ธุรกิจร้านอาหาร “ขนมจีนบ้านนา” ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันกลายเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับลูกค้าทัวร์ได้ถึง 400 ที่นั่ง และกลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดสุโขทัย

          แต่ความสำเร็จในระดับปริญญาตรีเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความกระหายใคร่รู้ของคุณกัมปนาทไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น และได้นำพาเขาไปสู่การเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น

บรรยากาศในร้านขนมจีนบ้านนา

บทเรียนที่ 4 ต่อยอดไม่สิ้นสุด: พัฒนานวัตกรรมจากองค์ความรู้ระดับปริญญาโท


          การศึกษาต่อในระดับปริญญาโทได้ยกระดับธุรกิจของคุณกัมปนาทไปอีกขั้น เขาได้นำองค์ความรู้เชิงลึกมาใช้ในการวิจัยและพัฒนา จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ตลาดได้กว้างขึ้น ได้แก่:

  1. ขนมจีนอบแห้ง: เปลี่ยนขนมจีนเส้นสดให้สามารถเก็บไว้ได้นานและสะดวกต่อการขนส่ง
  2. น้ำยาสำเร็จรูป: ทำให้ลูกค้าสามารถอร่อยกับรสชาติของขนมจีนบ้านนาได้ทุกที่ทุกเวลา

ความสำเร็จนี้ได้ต่อยอดไปสู่ “การส่งออก” ซึ่งเป็นผลลัพธ์โดยตรงจากการไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนา

บทเรียนที่ 5 ปรัชญาชีวิต: “การศึกษา” คือเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ

  • เบื้องหลังความสำเร็จทางธุรกิจทั้งหมดนี้ มีรากฐานที่สำคัญมาจากปรัชญาการใช้ชีวิตและการเรียนรู้ที่หนักแน่นและชัดเจนของคุณกัมปนาท สำหรับเขาแล้ว การศึกษาไม่ใช่แค่ปริญญาบนฝาผนัง แต่คือเครื่องมือที่จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์จริง

    • เรียนเพื่อพัฒนาตนเองและธุรกิจ: เขามองว่าความรู้ที่ได้มาต้องสามารถนำมาปรับใช้ได้จริง เพื่อต่อยอดสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ได้เรียนเพื่อหวังตำแหน่งหรือผลประโยชน์อื่นใด
    • เรียนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ: เมื่อมีความรู้และลงมือทำจนเห็นผลจริง คำแนะนำต่างๆ ที่เขามีต่อชุมชน (เช่น การทำปุ๋ยอินทรีย์) ก็ได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่น
    • เรียนเพื่อเป็นต้นแบบให้ลูกหลาน: เขาต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังเห็นความสำคัญของการศึกษา และพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้เสมอ การเดินทางของเขาคือมรดกที่มีชีวิตซึ่งส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง

    ปรัชญาเหล่านี้ไม่เพียงขับเคลื่อนธุรกิจ แต่ยังสร้างคุณค่าให้กับชุมชนและครอบครัวของเขาอีกด้วย

ปรัชญาเบื้องหลังความสำเร็จ : เรียนรู้เพื่อนำไปใช้ ไม่ใช่เพื่อปริญญา

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่
ขนมจีนอบแห้ง และน้ำยาสำเร็จรูป

บทเรียนที่ 6 บทสรุป: ส่งต่อแรงบันดาลใจสู่ผู้ใฝ่เรียนรู้

  • เรื่องราวของคุณกัมปนาท จากเด็กจบ ปวช. สู่เจ้าของธุรกิจขนมจีนเงินล้าน คือบทพิสูจน์ที่ทรงพลังว่า อายุไม่ใช่อุปสรรคของการเรียนรู้” และการศึกษาก็ไม่ใช่แค่เรื่องราวในตำรา แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการพลิกชีวิตและสร้างอนาคต