จำนวนผู้ชม 38

จาก ป.4 สู่ผู้พลิกโฉมวงการ
น้ำตาลมะพร้าว
5 บทเรียนที่คุณคาดไม่ถึง
พิมพ์พรรณ แสงจันทร์

พิมพ์พรรณ แสงจันทร์
เจ้าของกิจการ เตาตาล น.แสงจันทร์

บทนำ  ากความเหนื่อยหน่ายสู่การเดินทางครั้งใหม่

คุณเคยรู้สึกไหมว่ายิ่งทำงานหนักเท่าไหร่ ชีวิตก็ยิ่งเหนื่อยล้ามากขึ้นเท่านั้น หรือเคยลองผิดลองถูกกับธุรกิจมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่พบกับความสำเร็จที่ยั่งยืนเสียที ความรู้สึกเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ไม่ธรรมดาของผู้หญิงคนหนึ่ง “

          พิมพ์พรรณ แสงจันทร์ หรือเจ๊นุช คือบุคคลที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาทั้งหมด เธอเติบโตมากับธุรกิจน้ำตาลมะพร้าวของครอบครัวที่ต้องลงแรงอย่างหนัก จนวันหนึ่งเธอตัดสินใจหันหลังให้กับมันเพื่อแสวงหาเส้นทางใหม่ แต่ชีวิตกลับพาเธอล้มลุกคลุกคลานผ่านธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ก่อนจะวนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป

          บทความนี้จะกลั่นบทเรียนชีวิตและธุรกิจที่น่าทึ่งที่สุดจากเรื่องราวของคุณพิมพ์พรรณ ผู้หญิงที่เรียนจบเพียงชั้น ป.4 แต่สามารถพลิกฟื้นภูมิปัญญาดั้งเดิมของครอบครัวให้กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจสมัยใหม่ที่เติบโตและเกื้อกูลชุมชนไปพร้อมกัน

บทเรียนที่ 1 “ล้มแล้วลุก” คือบทเรียนแรกของความสำเร็จ

“ล้มแล้วลุก” บทเรียนแรกของความสำเร็จ

                ก่อนที่พิมพ์พรรณจะกลับมาสานต่อธุรกิจน้ำตาลมะพร้าวอย่างจริงจัง เธอเคยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับงานที่ต้องลงแรงอย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก “เหมือนมันเหนื่อยอ่ะนะ” และตัดสินใจแยกตัวออกมาสร้างเส้นทางของตัวเอง บทเรียนจากความล้มเหลวในช่วงเวลานั้นได้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง”

  • ก้าวสู่เกษตรกรรม  เธอเริ่มต้นด้วยการทำสวน ปลูกทั้งละมุด ฝรั่ง และกล้วย แต่ไม่นานก็พบกับความจริงที่ว่าราคาสินค้าถูกกำหนดโดยพ่อค้าคนกลางแต่เพียงผู้เดียว ได้เท่าไหร่เราก็ต้องยอมรับทำให้เธอไม่สามารถควบคุมรายได้ของตัวเองได้
  • ผันตัวสู่วงการประมง  จากนั้นเธอหันไปลงทุนทำบ่อเลี้ยงกุ้ง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายในช่วงแรก “5 ไร่ได้เงินล้านนึงแต่ความสำเร็จนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อการเลี้ยงกุ้งที่หนาแน่นเกินไปทำให้น้ำไม่หมุนเวียน จนเกิดโรคระบาดและกุ้งตายเป็นจำนวนมาก
  • สู่ธุรกิจค้าส่งผลไม้  ความพยายามครั้งสุดท้ายก่อนกลับบ้านคือการเป็นแม่ค้าคนกลางวิ่งรับซื้อส้มจากสวนมาขายส่ง แม้จะไปได้ดีในช่วงแรก แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงลิ่วและวิถีชีวิตที่ต้องตรากตรำจนแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว “รถติดคิว 30-40 คัน” จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเธอตระหนักว่า หากเธอและสามีเป็นอะไรไป ลูกๆ จะอยู่กันอย่างไร ถ้าเกิดเรา 2 คนพ่อแม่เป็นอะไรไป แล้วลูกล่ะจะอยู่ยังไง”

ภาพจำลองธุรกิจในช่วงเริ่มต้น

บทเรียนที่ 2  การศึกษาไม่มีคำว่า “สายเกินไป”

การศึกษาไม่มีคำว่าสายเกินไป

                ในยุคสมัยของพิมพ์พรรณ การศึกษาไม่ใช่ทางเลือกที่ครอบครัวจะสนับสนุนได้ง่ายๆ เธอต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่จบชั้น ป.4 เพื่อมาช่วยครอบครัวทำน้ำตาล เพราะพ่อแม่ได้บอกเธอว่า ถ้าเรียน ที่ทางก็จะไม่ให้ซึ่งหมายถึงการเลือกเรียนอาจต้องแลกมากับการสูญเสียที่ดินทำกิน

                แต่ความปรารถนาที่จะเรียนรู้ไม่เคยจางหายไปจากใจเธอ เมื่อมีโอกาสในวัยผู้ใหญ่ พิมพ์พรรณจึงมุ่งมั่นกลับเข้าสู่เส้นทางการศึกษาอีกครั้ง เธอเรียนการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) จนจบชั้น ม.6 และได้รับแรงบันดาลใจจากญาติที่เรียนจบปริญญาตรีตอนอายุ 60 ปี เธอจึงตัดสินใจสมัครเรียนต่อที่สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน หรือมหาวิทยาลัยชีวิต

การกลับไปเรียนในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงธุรกิจของเธอไปอย่างสิ้นเชิง

  • สร้างกระบวนการที่เป็นระบบ: ความรู้จากมหาวิทยาลัยช่วยให้เธอวางแผนธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ มันเหมือนเราได้การจัดการที่เป็นระบบมากขึ้น.เป็นขั้นเป็นตอน
  • เข้าใจต้นทุนและมูลค่า: เธอได้เรียนรู้เรื่องการทำบัญชี การคำนวณต้นทุน และวิธีเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เรารู้จักการทำบัญชี การคิดต้นทุนกำไรว่าได้เท่าไหร่
  • สร้างความแตกต่างให้สินค้า: แนวคิดเรื่องการตลาดจุดประกายให้เธอสร้างเกรดของน้ำตาลที่แตกต่างกัน เช่น เกรด A70/30 หรือ 50/50 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
  • พัฒนาแบรนด์และบรรจุภัณฑ์: การเรียนรู้ทำให้เธอเห็นความสำคัญของการสร้างแบรนด์และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยและน่าสนใจยิ่งขึ้น เรื่องบรรจุภัณฑ์ก็ได้มาจากตอนเรียนนี่ละ”

ความทุ่มเทในการเรียนของเธอนั้นน่าทึ่งมาก ดังที่ลูกสะใภ้ได้เล่าถึงภาพความทรงจำที่เธอไม่มีวันลืม

แม่เขาจะใส่หูฟังอ่ะแล้วเขา ก็จะฟังในหู เรียนออนไลน์เวลาครูถามก็จะตอบ เปิดไมค์ตอบมือก็กวนไป หูก็ฟังไป ใช่ค่ะอาจารย์ ทำแบบนั้น 

เข้าอบรมการจัดการธุรกิจให้มัดใจลูกค้า
นำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำตาลต่อท่านนายกสภาสถาบันฯ
นำเสนอโครงงาน น้ำตาลมะพร้าวเชิงสร้างสรรค์
ลูกสะใภ้ช่วยงานด้านตลาดออนไลน์
รับฟังการสอนออนไลน์พร้อมกับเคี่ยวน้ำตาลไปด้วย
ใส่ใจในการผลิตทุกขั้นตอน

บทเรียนที่ 3 ผสมผสาน “ภูมิปัญญาดั้งเดิม” กับ “นวัตกรรม”

ผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมกับนวัตกรรม

                แม้จะหวนคืนสู่อาชีพดั้งเดิมของครอบครัว แต่พิมพ์พรรณไม่ได้ทำทุกอย่างเหมือนในอดีต เธอใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับการผลิตให้ทันสมัยขึ้น

  • นวัตกรรมอุปกรณ์การผลิต จากเดิมที่ต้องเคี่ยวน้ำตาลในกระทะเล็กๆ ทีละน้อยๆ เธอได้คิดค้นและออกแบบ “หม้อทรงสูงและถาดรองน้ำตาลขนาดใหญ่” ที่ทำจากสแตนเลส ซึ่งสามารถเคี่ยวน้ำตาลได้ครั้งละ 20-30 ปี๊บ ช่วย “ลดเวลาแล้วก็ลดค่าคนงาน” ได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ เธอยังพัฒนาท่อปิดเปิดระบายน้ำตาลและระบบปั๊มสำหรับดูดน้ำตาลเหลวจากแหล่งเก็บมาสู่กระบวนการผลิต ซึ่งทั้งสะอาด รวดเร็ว และเป็นแนวคิดที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
เตาเคี่ยวน้ำตาลแบบดั้งเดิม
เตาเคี่ยวน้ำตาลแบบปรับปรุงใหม่หม้อสแตนเลส
ท่อระบายน้ำตาลเปิดปิดได้
  • นวัตกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์  ความรู้ที่ได้จากการเรียนและอาจารย์ที่ช่วยกระตุ้นความคิดให้ต่อยอดให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากน้ำตาลปึกแบบดั้งเดิม เช่น “น้ำตาลไซรัป” สำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ และ “น้ำตาลผง” ซึ่งต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเคี่ยวให้แห้ง นำไปบด แล้วจึงนำไปอบอีกครั้งเพื่อไล่ความชื้น ไปเคี่ยวให้แห้ง แห้งแล้วก็บดแล้วก็ถึงมาเป็นน้ำตาลผง             
น้าตาลมะพร้าวแท้ไซรัป
น้ำตาลมะพร้าวแท้แบบผง
น้ำตาลมะพร้าวผงบรรจุขวด

                เรื่องราวของพิมพ์พรรณแสดงให้เห็นว่า การเคารพในภูมิปัญญาดั้งเดิมไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดนิ่ง แต่คือการนำรากฐานที่แข็งแกร่งนั้นมาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น”

บทเรียนที่ 4 ธุรกิจที่เติบโตคือธุรกิจที่ “เกื้อกูลชุมชน”

ธุรกิจที่เติบโตคือธุรกิจที่เกื้อกูลชุมชน

            เตาตาล .แสงจันทร์ไม่ได้เป็นเพียงโรงงานผลิตน้ำตาล แต่เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจในชุมชน พิมพ์พรรณ ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการเติบโตไปพร้อมกับคนรอบข้าง สร้างระบบที่เกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างยั่งยืน

  • การจ้างงานผู้สูงวัย เธอตั้งใจจ้างงานผู้สูงอายุในชุมชนที่มีอายุเกิน 60 ปี ให้มาทำงานที่ไม่หนักมาก เช่น การตักและบรรจุน้ำตาลใส่ถุง รับแรงงานในชุมชนที่อายุเกิน 60 มาช่วยเราทำให้ผู้สูงอายุยังมีรายได้และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า
  • การสร้างรายได้ให้เยาวชน  ในช่วงปิดเทอม เด็กนักเรียนสามารถเข้ามาทำงานเพื่อหารายได้พิเศษ ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองและเก็บเงินไว้ซื้ออุปกรณ์การเรียน นักเรียนที่ปิดเทอมก็อยากมีรายได้ช่วยพ่อช่วยแม่
  • การสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่น: เธอยังเปิดรับซื้อน้ำตาลสดจากชาวบ้านในพื้นที่ เรารับซื้อน้ำตาลสดจากชาวบ้านที่ทำสวนมะพร้าวในพื้นที่รอบๆเราด้วย โดยให้เงื่อนไขที่ดีกว่าโรงงานอื่น เช่น ยืดเวลาเก็บน้ำตาลให้สายขึ้น และยังให้เบิกเงินทุนล่วงหน้าสำหรับซื้ออุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเอง สามารถมาเอาทุนที่เราให้ก่อน โดยที่ว่าเขาไม่ต้องควักทุนตัวเองเลย

                สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ แม้ว่าเธอจะมีเครื่องบดน้ำตาลที่ทันสมัย แต่เธอกลับเลือกที่จะไม่ใช้มันกับงานทุกอย่าง เพื่อให้แน่ใจว่าคนในชุมชนจะยังคงมีงานทำและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ดังคำพูดของเธอที่ว่า หนูอะมีเครื่องโม่นะแต่ว่าหนูเอามาโม่ คนงานหนูจะทำอะไรล่ะ

 

บทเรียนที่ 5 “ความซื่อสัตย์” และการเข้าใจลูกค้าคือการตลาดที่ดีที่สุด

ความซื่อสัตย์และการเข้าใจลูกค้าคือการตลาดที่ดีที่สุด

                หัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเตาตาล .แสงจันทร์เติบโตอย่างมั่นคงคือปรัชญาการตลาดที่ตั้งอยู่บนความซื่อสัตย์และการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง แทนที่จะแข่งขันด้วยราคาเพียงอย่างเดียว พิมพ์พรรณเลือกสร้างความไว้วางใจด้วยคุณภาพและความโปร่งใส

เธอพัฒนากลยุทธ์การแบ่งเกรดน้ำตาลให้สอดคล้องกับการใช้งานที่แตกต่างกันของลูกค้า

  • ระบบเกรดที่โปร่งใส: เธอสร้างระบบเกรดที่ชัดเจน เช่น น้ำตาลแท้ 100%, ส่วนผสม 70/30 หรือ 50/50 และจะสื่อสารกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับส่วนประกอบและราคา หนูจะตกลงกับลูกค้าเลยอาจารย์ว่าอันนี้แค่นี้นะ
  • ผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง: เธอคิดค้น น้ำตาลรองซึ่งไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลมะพร้าวเลย เพื่อขายให้กับลูกค้าที่ต้องการนำไปทำน้ำจิ้ม  หมักเนื้อ หมู ไก่ โดยเฉพาะ 

  • ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะ: เมื่อพบว่าลูกค้ากลุ่มที่ทำขนมต้องการน้ำตาลที่ไม่ต้องเสียเวลาไปละลาย เธอจึงพัฒนา “น้ำตาลนิ่ม” ที่มีเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม สามารถนำไปนวดกับแป้งได้ทันที

ภูมิปัญญานี้ถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูก ซึ่งลูกชายของเธอได้สรุปหัวใจของการบริการลูกค้าที่เรียนรู้มาจากแม่ไว้อย่างเฉียบคม

          “ถ้าเขาซื้อของกับเราเนี่ย เราจะไม่ให้สินค้าของลูกค้าขาดครับ แต่ถ้าช่วงไหนที่สินค้าของลูกค้าขาดเขาไม่มีขาย เขาก็จะไปเอาของคนอื่นมาขายครับ…เราจึงพยายามดูแลและถามไถ่ไม่ให้ของเราขาด ลูกค้าก็จะไม่ต้องไปเอาของอีกเจ้าหนึ่งมาเสียบแทนครับ”

ลูกชายคนโตช่วยดูแลด้านตลาด
เตาตาล น.แสงจันทร์ ผลิตน้ำตาลมะพร้าวตามความต้องการของตลาดและทุกกลุ่มลูกค้า

บทสรุป: มรดกที่ส่งต่อได้ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือวิธีคิด

               ความสำเร็จของพิมพ์พรรณ แสงจันทร์ ไม่ได้สร้างขึ้นจากโชคช่วย แต่เกิดจากการผสมผสานระหว่างความทรหดอดทนที่ไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลว ความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ความกล้าที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ต่อยอดภูมิปัญญาด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและเกื้อกูลชุมชน ด้วยความซื่อสัตย์ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

                วันนี้ เธอกำลังวางแผนที่จะส่งต่อธุรกิจให้กับลูกๆ ไม่ใช่ในฐานะทรัพย์สินทางการเงินเท่านั้น แต่ในฐานะมรดกทางความคิดและคุณค่าที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนได้จริง นี่คือเท่ากับเป็นมรดก

เรื่องราวของเธอทำให้เราต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่าความสำเร็จที่ยั่งยืนที่แท้จริงนั้นสร้างขึ้นจากอะไร”

เปิดโอกาสให้นักเรียนและผู้สนใจเข้าชมกระบวนการผลิตของ เตาตาล น.แสงจันทร์

ภาพครอบครัว

วีดิโอเรื่องราวของ เตาตาล น.แสงจันทร์